เขียนได้ทุกโปรแกรมที่อยากเขียน 😲

เขียน Web Application "อะไรก็ได้" ได้ใน 3 เดือน

สร้างหนทางสู่อาชีพ Full-stack Developer
เงินเดือน 35,000 - 150,000 บาท 🔥

เริ่มต้นจาก 0 ไม่ต้องมีพื้นฐานใดๆ

[โปรโมชั่นที่ 1]

ค่าสมัคร 2,990฿

เรียน 2 คอร์สนี้จบ และฝึกซ้อมจนทำงานจริงได้ ก็จะสามารถทำงานเป็น Full-Stack Developer ได้ เงินเดือนสูงลิบลิ่วเลยครับ

[โปรโมชั่นที่ 2]

ใครที่อยากจะเขียน Front-end ได้ด้วย ผมมีโปรโมชั่น สมัคร 2 คอร์ส ในราคา 1 คอร์สนิดๆ ด้วยนะครับ

จากราคาเต็ม 4,880฿ ลดเหลือ 4,080฿ เท่านั้นครับ

กดที่ปุ่มแดงด้านล่างได้เลยน้า 🎈

เลียนแร้วได้อะไล?

[1] ได้กลายเป็นเผ่าพันธุ์ "โปรแกรมเมอร์" ที่มีทักษะเป็นสุดยอด

คำว่า “เผ่าพันธุ์” ไม่ใช่คำเรียกเกินจริงแต่อย่างใด ทันทีที่คุณเขียนโค้ดเป็นแล้ว วิธีการคิด มุมมองต่อโลก (รวมถึง อุปนิสัย ในบางคน) ก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นทันที ยังกับกดเปลี่ยนอาชีพในเกมออนไลน์ยังไงยังงั้น

การได้มองอะไรเป็นเชิงเหตุผล ตรรกะ เน้นข้อมูล สถิติมากขึ้น จะฝึกให้เป็นที่ใจเย็นมากขึ้น จะกลายเป็นคนที่มีสมาธิที่ดีขึ้น มากมาก เพราะการทำงานเขียนโค้ด จะต้องทำงานแบบ Deep Work ซึ่งจะต้องมี Train of Thought และได้ฝึกแก้ไขปัญหาอย่างไม่ย่อท้อ (อารมณ์ติด bug) คุณจะเก่งขึ้นในอีกหลายๆ ด้าน ไม่ใช่แค่เรื่องเขียนโค้ดเรื่องเดียว

[2] ได้กลายเป็นเผ่าพันธุ์ "โปรแกรมเมอร์" ที่มีฐานเงินเดือนสูงลิบลิ่ว

ผมไม่พูดเอง เดี๋ยวหาว่าโม้ ดูเอาเองนะคับบบบ 👇🏻

แหล่งที่มา: Adecco เป็นองค์กรใหญ่ที่เป็นผู้นำด้านการจัดจ้างงานโดยเฉพาะ จึงมีฐานข้อมูลเงินเดือนที่ถูกต้องและแม่นยำมากครับ

[3] ได้กลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีคนตามหาตัว ตามง้อ มากที่สุด

จากใจเลย ส่วนตัวด้วย… “ผมทำงานไม่ทัน”

อันนี้ผม (จานไปป์ ผู้สอน) ขอบ่นแบบจริงๆ เลยนะครับ อาชีพนี้ขาดตลาดและเป็นที่ต้องการมาก ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นที่ต้องการอยู่ดี ไม่มีวันหมดไป ทั้งในไทยและต่างประเทศ อัตราการจ้างงานของอาชีพนี้ก็สูงขึ้นเรื่อยๆ

ยิ่งยุคนี้เป็นยุคของ AI / Machine Learning บริษัทต่างๆ ก็อยากจะประยุกต์นำสิ่งเหล่านี้เข้ามาใช้กับองค์กรของตนเอง แน่นอนว่าเขาก็ต้องการโปรแกรมเมอร์มา คุม/support โปรแกรมเหล่านี้อีกที เรียกได้ว่า ยังไงก็ไม่มีตกงานครับ แถมจะโดนจีบแย่งตัวง่ายๆ กันด้วยซ้ำ

มันมีประโยคนึงที่ผมพูดเพื่อขาย คอร์สสอนเว็บไซต์ ง่ายจนงง ว่าผม “ทำงานไม่ทัน” จนต้องปฏิเสธไปหลายงาน … ขนาดอันนั้น WordPress แบบไม่เขียนโค้ด งานยังชุกขนาดนั้น อันนี้งานเขียนโค้ด งานมันแน่นกว่านั้น 3-4 เท่าตัว ไม่ต้องกลัวตกงานเลยครับ

[4] ได้กลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่ทำงาน Freelance ได้สบายใจเฉิบที่สุด "นอนเขียนโค้ดริมทะเล" มีอยู่จริง

“เอาอีกแล้ว จานไปป์มันเอาภาพคนนอนทำงานริมทะเลมาขายเราอีกแล้ว 😂😂”

ขออภัยอ่ะ คือเรียนตามตรงว่าผมไม่เกรงใจเลยเนี่ย ผมไม่ได้โกหกเลย เพราะมันทำได้จริงๆ ผมทำตลอดเลย 55555

(แต่ความจริงสุดๆ คือ ผมไม่ชอบเขียนโค้ดริมทะเลหรอกครับ มันเหนียวตัว 😂 ผมชอบเขียนโค้ดร้านกาแฟมากกว่า แค่อยากสื่อว่า คุณจะทำงาน “ที่ไหนก็ได้” ก็เท่านั้นเอง)

ใครไม่อยากทำงานออฟฟิศ บริษัท ก็เป็น freelance รับเขียนโปรแกรมได้ครับ ไปรับงานจากเว็บฝรั่งเมืองนอกก็ได้ พวก Freelancer, Upwork มีงานเต็มเรย (แต่บริษัท Software เดี๋ยวนี้ก็เริ่มให้พนักงานทำงานแบบ remote มากขึ้นแล้วนะครับ ถือว่าเป็นเรื่องดีมากจริงๆ)

ยินดีต้อนรับสู่เผ่าพันธ์ุ "ผู้เขียนโค้ด"

เผ่าพันธุ์ที่สามารถ "เสกสร้างได้ทุกอย่าง" โดยแท้จริง

แน่นอนว่าคอร์สนี้เป็นการเขียนโค้ดนะครับ แต่พอเราได้ยินคำว่า “เขียนโค้ด” แล้ว อาจจะรู้สึกว่ามันน่าจะยาก แต่ความจริงแล้ว เราสามารถเริ่มต้นเรียนรู้ได้ทันที โดยไม่ต้องมีพื้นฐานอะไรมากขนาดนั้นก็ได้ครับ
โค้ดที่เราจะเขียนกันคือภาษา PHP ซึ่งเป็นภาษายอดฮิตของเมืองไทย เป็นภาษาที่ศึกษาง่าย เขียนไม่ยาก และหาระบบโฮสติ้งที่รองรับได้ง่ายมากๆ เรียกว่าหันไปทางไหนก็เจอ
แต่ปัญหาส่วนใหญ่ คือสื่อการสอนที่ไม่มีการเรียงลำดับโครงสร้าง นักเรียนจะจับต้นชนปลายไม่ถูก และงงว่า เมื่อเขียนอันนี้จบแล้ว จะไปทางไหนต่อ
คอร์ส Back-end Warrior จะสอนคุณให้เข้าใจตั้งแต่พื้นฐานเริ่มแรก ค่อยๆ พัฒนาไปยังคำสั่งที่ advance และซับซ้อนขึ้น สุดท้ายจะทำให้คุณเขียน web application ได้ในเวลาอันน้อยนิด เพราะคุณจะรู้สึกสนุกเหมือนเล่นเกมอยู่! ❤️

เราจะมาเขียนภาษาที่ใช้ หางาน/สมัครงาน ง่ายที่สุด กัน

ภาษา PHP เป็นภาษายอดนิยม ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ มีประวัติอันยาวนาน (ทั้งในทางที่ดีและไม่ดี 😂 ภาษานี้เคยขึ้นชื่อว่าเป็นภาษาที่ “ช้า” แต่หลังจาก PHP version 8 เป็นต้นมา มันเร็วเป็นจรวดแล้วครับ เย้!)

PHP เป็นภาษาที่เขียนง่าย รันง่าย โฮสติ้งก็หาง่าย (WordPress ที่เราเรียนกันในคอร์ส สอนทำเว็บไซต์…ง่ายจนงง ก็ใช้ PHP เขียนนะครับ) เรียกได้ว่า เขียนภาษานี้ได้แล้ว เอาไปรันได้แทบทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องตัวเอง โฮสติ้งที่หาซื้อได้ทั่วไป (Windows/Mac/Linux รันได้หมด) ราคาถูกมากๆ อยากใช้งานเมื่อไรก็ใช้ได้

PHP ใช้เขียนโปรแกรมที่ทำได้ทุกอย่าง สุดแต่ที่คุณจะนึกออก: โปรแกรมฐานข้อมูลลูกค้า / เก็บ users ในเกมที่คุณเขียน / เขียนระบบจอง-เช่า แบบสุด advanced ฯลฯ คุณไล่มาเถอะ อะไรก็ตาม มันทำได้ทั้งหมด คุณเขียนมันขึ้นมาสิ!

นอกจากนี้ PHP ยังเป็นภาษาสำหรับใช้ปูพื้นฐานไปเขียน Framework ที่มีความซับซ้อนมากกว่าเดิม เช่น Laravel อีกด้วย

(BCD Academy จะออกคอร์ส Laravel หลังจากคอร์ส Back-end Warrior นะครับ แน่นอนว่านักเรียนเก่า ได้ราคาพิเศษสุดๆ เหมือนเดิมแน่นอน ❤️)

ในคอร์สนี้ เราจะมาเรียนเขียนภาษานี้เป็นหลักกัน เขียนเป็นแล้ว ทำได้ “ทุกอย่าง” แน่นอนครับ

ฐานข้อมูล (เก๊ะเทพ) ที่ฮิตติดลมบนที่สุดในปฐพี

MySQL (จะอ่านว่า มาย-เอส-คิว-แอล หรือ มาย-ซี-ควล ก็สุดแต่ท่านเถิด ตอนนี้เรามี 2 ศาสนาต่อยกันเรื่องนี้อยู่ ซึ่งเดี๋ยวท่านก็ต้องมาร่วมต่อยกับพวกเรา 5555)

ที่ผมเรียกมันว่า “เก๊ะเทพ” เพราะมันจะมาจัดเก็บข้อมูลได้อย่าง สุดโหด สุดฤทธิ์สุดเดช แทนที่เก๊ะรกๆ ที่บ้านของคุณน่ะสิ

นึกภาพว่าคุณมีตู้เก็บเอกสารตู้นึง แล้วคุณมีรายชื่อลูกค้าอยู่สัก 1,500 คน คุณแบ่งตามตัวอักษร ก-ฮ ซะเป็นระเบียบเรียบร้อย … วันดีคืนดี คุณต้องหาเอกสารที่เป็นของลูกค้าชื่อ “เอกพล” คุณก็ต้องเปิดเก๊ะ อ.อ่าง แล้วเอานิ้วไล่ไปตามแฟ้มที่คุณเรียงไว้ ไม่ว่าคุณจะหาเอกสารได้เร็วแค่ไหน อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาเป็นนาทีแหละ

แต่ด้วย เก๊ะเทพ MySQL ของเรา ข้อมูลถูก index ไว้หมดแล้ว คุณแค่ป้อนข้อมูลลงไปว่า “เอกพล” ระบบก็ดึงข้อมูลของคุณเอกพลมาให้ ในเวลาไม่ถึง 1 วินาที (เป็นหลัก milliseconds)

นอกจากนี้ คุณยังเขียน query ยากๆ ได้ เช่น “เอาข้อมูลของลูกค้าใหม่ 7 วันที่แล้วออกมากางหน่อย” MySQL ก็ทำให้คุณได้ภายในเวลาไม่ถึง 1 วินาทีเช่นกัน ลองนึกภาพว่าถ้าคุณต้องคุ้ยแฟ้มเหล่านี้เองด้วย “มือ” มันใช้เวลาเยอะแค่ไหนนนนน

คอร์สนี้คือจุดเริ่มต้นของการ "เขียนโปรแกรมอะไรก็ได้ที่อยากเขียน"

"อยากทำระบบอะไรก็ทำได้ทุกอย่าง" อย่างแท้จริง

คุณจะได้เรียนรู้:

ตัวอย่าง "ส่วนหนึ่ง" ของ Web Application ที่ทำได้หลังเรียนจบ:

เขียนระบบร้านค้า ตะกร้า ออนไลน์ ที่มี flow การสั่งซื้อพิเศษ แบบเฉพาะเจาะจงหรือซับซ้อนได้

(เช่น ระบบเช็คเบอร์โทรศัพท์มงคล, ระบบจองโต๊ะอาหารแบบมีแผนผังโต๊ะ ฯลฯ)

เขียนเว็บแอปแชทสนุกๆ

เขียนเว็บบอร์ดเหมือน pantip, เขียน social media เหมือน Facebook

เขียนระบบตลาด (e-marketplace) เหมือน Shopee หรือ Lazada

เขียนระบบ ERP, CRM ให้กับบริษัท (อันนี้จะใหญ่หน่อยนะ แต่ทำได้แน่นอน)

เขียนระบบเกมบนเว็บ

ฯลฯลฯลฯลฯ จะเขียนอะไรก็เขียนได้ทั้งนั้นอะ!

Credits: example apps & games images from Envato/CodeCanyon

คอร์สนี้เหมาะกับใคร?

การ "เขียนโค้ด" ไม่ได้เหมาะกับทุกคนนะครับ ผมขออนุญาตกรองนักเรียนเข้าคอร์สนิดนึง ผมก็ไม่อยากให้คุณเสียเงินค่าคอร์สเพื่อเข้ามานั่งทรมานหรอกนะ

คนที่เหมาะที่จะเขียนโค้ด:

วิธีดูง่ายๆ เลยว่าเราเป็น Introvert หรือเปล่า คือ เมื่อเราได้อยู่คนเดียว เราจะรู้สึกว่าเราได้ชาร์จแบตเตอรี่เข้ามา แต่เมื่อออกไปพบกับผู้คนมากๆ เราจะรู้สึกว่าเหมือนต้องใช้แบตเตอรี่ออกไป

จะกลับกันกับ Extrovert ครับ Extrovert คือคนที่ เมื่ออยู่คนเดียว จะรู้สึกเหมือนกับต้องใช้แบตเตอรี่ออกไป พอแบตเตอรี่จะหมดแล้ว ต้องออกไปชาร์จกับคนอื่น

ข้อสังเกตคือ ผมไม่ได้บอกว่า Extrovert จะเป็นโปรแกรมเมอร์ไม่ได้นะ เพราะโปรแกรมเมอร์ Extrovert ก็มีอยู่ค่อนข้างเยอะ แต่ตรงนี้ก็จะเป็นบุคลิกที่ส่งเสริมให้เรานั่งทำงาน deep work ได้มีประสิทธิภาพมากๆ ครับ

นอกจากนี้ ผมก็ไม่ได้พูดด้วยว่า Introvert/Programmer จะขี้อาย ไม่ค่อยพูด พูดจาไม่รู้เรื่อง และออกงานสังคมไม่ได้ สุดท้ายแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็คือ Soft Skill ที่ใครๆ ก็พัฒนาได้

แต่โดยลักษณะแล้ว Introvert จะชอบ งานครุ่นคิดใช้สมอง มากกว่า จึงจะได้เปรียบในงานลักษณะนี้ครับ

ไม่ว่าจะเป็นเกมมือถือ ติงต๊องหรือไม่ติงต๊อง เกม FPS จริงจังซีเรียส หรือ MOBA ไต่ rank ผมนับรวมหมด เพราะอุปนิสัยหลักของ programmer ที่ดี คือ ความไม่ย่อท้อ ไม่ยอมแพ้จนกว่าจะแก้ปัญหาได้ ถือเป็นอุปนิสัยสำคัญของ programmer ครับ

ในสายงานนี้ เราเจอ bug กันวันละหลายสิบตัว เหมือนจะ mini-boss ในเกมย่อมๆ การที่คุณมีนิสัยที่ต้องเอาชนะมันให้ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และสนุกกับมัน จะทำให้ทำงานในสายนี้ได้ดีครับ

สู้ไม่ไหวก็ไปนอนก่อน ตื่นมาก็สู้ใหม่ ไม่นานมันก็สำเร็จเอง 😊

เคยมีงานวิจัยด้วยว่า งานสาย programming เป็นงานที่เครียดน้อยที่สุด (งานที่ถูกศึกษาว่าเครียดที่สุด คือสายงานขาย) เหตุผลหลักเป็นเพราะ เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนมากๆ ในใจแล้วว่าเราจะแก้ปัญหาอะไรให้ได้ แล้วเราก็พยายามแก้มันให้ได้ ไม่ต่างจากการปราบบอสในเกม สนุกเป็นบ้า ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง

ใครไม่มีข้อนี้ ไม่เป็นไร เพราะการเรียนรู้ 1 tech stack ก็สามารถใช้ทำงานได้แล้วเป็น 10ๆ ปี (ผมใช้ PHP/MySQL/WordPress ทำงานมาแล้ว 10 ปี++ ยังไม่เคยเปลี่ยน)

แต่การเรียนรู้ของใหม่เพิ่มเติม มันจะเหมือนกับว่า คุณได้อาวุธในมือเพิ่มมากขึ้น สามารถเปลี่ยน flow งานที่เคยทำ 5 ชั่วโมง ให้เหลือ 15 นาทีได้ง่ายๆ แค่เปลี่ยนมาใช้เครื่องมือใหม่ๆ เท่านั้นเอง

ดังนั้น การศึกษาของเล่นใหม่ๆ อยู่เสมอ จะทำให้เราได้เปรียบในสายงานนี้แน่นอนครับ 💪🏻

เนื้อหาภายในคอร์ส:

30+ บทเรียน เนื้อหาข้นคลั่ก คอร์สที่ยาวที่สุดที่เคยมีมาของ BCD Academy

Section 1: รับพรกันก่อน นักเรียนทั้งหลาย
Lesson 1: อาร์ ยู เรดี๋ วันทูทรีไฟว์ (มาดูกันว่าจะเจออะไรกันบ้าง)
Lesson 2: วิธีเรียนในคอร์สนี้แบบเทพพ์
 
Section 2: นี่คือการซ้อม นี่คือการซ้อม
Lesson 3: เตรียมตัวให้พร้อม เตรียมเครื่องคอมให้พร้อมด้วย
Lesson 4: PHP เปงไค ทำไมต้งเขียน
 
Section 3: ข้อมูฬ
Lesson 5: สรรพสิ่งไม่นิ่ง เปลี่ยนไปได้ตลอด ตัวแปรก็ด้วย (Variables)
Lesson 6: อ่าเร้ย์ อ่าเร้ย์ by พี่เป้วงเสลอ (Array)
 
Section 4: คอนโทรฬ
Lesson 7: ถ้าเขารักคุณ คงดีกว่านี้ (IF/ELSE statement)
Lesson 8: เพราะเปรียบเทียบแล้วคุณคงดีไม่พอ (comparison/operators)
Lesson 9: เขาเลยเปลี่ยนไปรักคนนู้น (Switch statement)
Lesson 10: ไม่ว่าพยายามเท่าไรก็ไม่มีวัน (While Loop)
Lesson 11: For loop
 
Section 5: ฟังก์ชั่ฬ
Lesson 12: function / return
Lesson 13: Parameter
Lesson 14: global
 
Section 6: สิ่งที่รู้วแล้วก้อดีย์นร๊
Lesson 15: ฟังก์ชั่นคำ
Lesson 16: ฟังก์ชั่นคำนวณ
Lesson 17: ฟังก์ชั่นอื่นๆ น่ารู้ว์
 
Section 7: ทักษะการคุ้ยเก๊ะขั้นพื้นฐาน (MySQL)
Lesson 18: เก๊ะชั้นดีเป็นศรีแก่ท่าน (MySQL Introduction)
Lesson 19: ผู้ช่วยคุ้ยเก๊ะ (phpmyadmin)
Lesson 20: ใส่-แก้-ถอด (INSERT-UPDATE-DELETE)
Lesson 21: คุ้ย (SELECT)
Lesson 22: คุ้ยแบบข้น (WHERE/ORDER/LIMIT)
Lesson 23: คุ้ยด้วยกัน (JOIN)
Lesson 24: คุ้ยด้วยกันแบบข้นคลั่ก (SUM/GROUP BY)
 
Section 8: มาลองส่งฟอร์มกันเถิด
Lesson 25: ทำฟอร์มกัน
Lesson 26: เช็คฟอร์มกัน
Lesson 27: รับฟอร์มกัน
Lesson 28: เก็บฟอร์มกัน
Lesson 29: ดึงฟอร์มกัน
 
Section 9: นี่ไม่ใช่การซ้อม ย้ำ นี่ไม่ใช่การซ้อม
Lesson 30: รับพรกันอีกที นักเรียนทั้งหลาย
 
BONUS
BONUS 1: วิธีทำ Clean URLs
BONUS 2: ปูพื้นฐานไปยังสิ่งที่เหนือกว่าโลกมนุษย์

คำถามที่พบบ๊อยยยบ่อย

คอร์ส Back-end Warrior (รวมถึง Front-end Warrior) เป็นคอร์สเน้น เขียนโค้ด นะครับ ต่างจาก คอร์สสอนทำเว็บไซต์ง่ายจนงง ซึ่งจะไม่มีเขียนโค้ดเลย ซึ่งผลลัพธ์ของการใช้เนื้อหาในคอร์ส และเวลาที่ใช้ในการเรียนก็จะแตกต่างกันครับ

ใน คอร์สสอนทำเว็บไซต์ง่ายจนงง จะเน้นสอนการทำเว็บไซต์แบบ “กึ่งสำเร็จรูป” ซึ่งจะสามารถทำเว็บไซต์เสร็จได้ใน 2-7 วัน โดยจะเน้นมอบองค์ความรู้ที่ส่งเสริมให้เว็บไซต์มีความสามารถมากที่สุด โดยใช้เวลาน้อยที่สุด

กลับกัน ในคอร์ส Back-end Warrior และ Front-end Warrior จะเน้นปูพื้นฐาน ทำความเข้าใจ ในการเขียนโค้ด สร้างโปรแกรม สร้างเว็บไซต์ ด้วยการสร้างใหม่ด้วยตัวเองทั้งหมด ข้อดีที่ได้ก็คือ เราจะสามารถทำเว็บไซต์หรือระบบอะไรก็ได้ที่อยากทำ โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ เหมือนกับการใช้เว็บไซต์ระบบกึ่งสำเร็จรูป เรียกได้ว่าจะเขียนโปรแกรมที่ซับซ้อนแค่ไหน ตามใจเราก็ทำได้ทั้งหมดเลย แต่ข้อเสียก็คือ จะต้องใช้เวลาในการศึกษาพื้นฐานที่นานกว่า เพื่อเรียนรู้ระบบในการทำงานเบื้องลึกในการตั้งค่าระบบนะครับ

BCD Academy ยังคงคอนเซปต์ในการ สอนให้นักเรียนทำเป็นเร็วที่สุด เข้าใจง่าย และไม่ง่วง ครับ โดยในคอร์สนี้ ในภาคทฤษฎีและปฏิบัติ นักเรียนจะสามารถเขียนโค้ดได้เป็น รวมถึงใช้เครื่องมือช่วยทุ่นแรงทั้งหมดได้ใน 5-15 วัน และสามารถเริ่มเขียนโปรแกรมที่ตนเองอยากเขียนได้ทันที

แต่ทักษะการเขียนโค้ดนั้น ไม่เหมือนกับสิ่งอื่น เราต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตในการที่จะเขียนโค้ด ดังนั้น เมื่อเรียนจบแล้ว นักเรียนเขียนโปรแกรมได้แล้ว จะเขียนได้เร็วขึ้นเพียงใด ใช้เครื่องมืออื่นๆ ได้คล่องมากขึ้นเพียงใด ก็จะอยู่ที่ตัวนักเรียนเองนะครับ

แต่ถึงกระนั้นแล้ว BCD Academy ก็จะ support ตอบคำถามตลอดชีพ ติดตรงไหนก็มาถามได้เลย เพื่อความรวดเร็วในการเรียนรู้นะครับ เพราะฉะนั้น ตรงนี้หมดห่วงไปได้เลย 🥰

มีครับ แต่ต้องทำข้อสอบให้ผ่านก่อนนะ เพื่อรับใบ certificate ครับ 🥰 สามารถนำไปใช้ยื่นสมัครงานเพื่อช่วยเพิ่มคะแนนให้กับ HR ในการพิจารณาได้ครับ

คำตอบแบบสั้น: “อยู่ที่บริษัทที่ไปสมัครด้วยครับ”

คำตอบแบบยาว:

[1] เมื่อเรียนจบแล้ว ทางผมและ BCD Academy ขอรับประกันจริงๆ ว่า “นักเรียนจะสามารถเขียนทุกโปรแกรมบนเว็บที่อยากเขียนได้จริงๆ” เพราะโดยลำพัง ชุดคำสั่งในคอร์สก็เพียงพอในการที่จะนำไปเขียนโปรแกรม หลังจากศึกษาเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยเท่านั้นเองครับ แต่นักเรียนก็จะต้องฝึกฝนเพิ่มด้วย ในส่วนของสิ่งที่จำเป็นในการที่จะเขียนโปรแกรมต่างๆ ที่นักเรียนต้องการเขียนครับ

[2] หลังจากเรียนจบแล้ว ถ้าจะไปสมัครงานจริงๆ ผมแนะนำให้ฝึกต่อ ด้วยการเขียนโปรแกรมจริงๆ เพิ่มเติมอีก 1-3 โปรแกรม (เว็บ) เป็นอย่างน้อย เพื่อเพิ่มความมั่นใจ และเพื่อให้จำโค้ดได้ ก่อนจะไปสมัครงานครับ ถ้าได้เขียนโปรแกรมจริงๆ สัก 1-3 โปรแกรมแล้ว บอกเลยว่า อะไรก็บ่ยั่นแล้วแหละ

[3] จะต้องดูบริษัทที่ไปสมัครด้วยว่า “เขาดูใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยด้วยไหม” บางบริษัท tech HR เขาก็ซีเรียสเรื่องนี้นะครับ แต่ข่าวดีก็คือ ในสายงานนี้ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยซีเรียสเรื่องนี้ครับ เนื่องจากอย่างที่แจ้งไปว่า สายงาน programming นี้ ต้องการแรงงานสูงมาก ดังนั้น การหางานจะค่อนข้างหาไม่ยากเลยครับ

เว็บไซต์ BCD Academy ใช้เทคโนโลยี cookie เพื่อใช้จดจำการเข้าสู่ระบบของท่าน และเพื่อเสนอข้อมูลที่ท่านต้องการ กรุณากดปุ่ม "ยอมรับ" เพื่อยอมรับการใช้ cookie