หยุด! ใช้โปรแกรม “เพิ่มความเร็ว” บน Android ก่อนที่โทรศัพท์ของคุณจะบิน!!

มากกว่าครึ่งของเพื่อนๆ ที่ผมรู้จัก ที่มีโทรศัพท์ Android … ทุกคนติดตั้งโปรแกรม “เร่งความเร็ว” ของเครื่อง ด้วยหลักการที่ว่า การ Boost RAM บ้างล่ะ … Task Killers บ้างล่ะ (Task Killer คือ ตัวโปรแกรมจะฆ่า App ตัวอื่นที่เปิดอยู่ทั้งหมดลงไป)

เราถูกปลูกฝังมาว่า App พวกนี้มีประโยชน์มาก มันเพิ่มความเร็วให้ Android ได้นะ แบบนู้นแบบนี้ … เอ้อ คิดใหม่ครับ จริงๆ แล้วเรากำลังทำร้ายโทรศัพท์ของเราอยู่นะ

 

มันทำร้ายโทรศัพท์ยังไงอ่ะ? โอเค มามะ มาทำความเข้าใจเรื่องนี้กันดีแกว่

ก่อนอื่น เราได้ยินคำว่า RAM Booster บ่อยมากๆ จาก App จำพวกนี้ เรามาทำความรู้จักกับ RAM ก่อนดีกว่าครับ เผื่อใครที่ยังไม่รู้ ส่วนใครที่รู้แล้วว่ามันคืออะไร ก็ข้ามย่อหน้านี้ไปได้เลยครับ

 

RAM คืออะไร?

เราได้ยินกันหนาหูกันมากว่า

“แรม ยิ่งเยอะยิ่งดี…”
“แรม ยิ่งว่างยิ่งดี”
“เปิดโปรแกรมทิ้งไว้ เปลือง RAM นะ! ปิดมันไปสิ! “

RAM ย่อมาจาก random access memory เป็นแผ่น ยาวๆ บางๆ อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่เก็บข้อมูลอะไรก็ได้ไว้แปปนึง เพื่อเป็นตัวกลาง หรือ “พัก” ข้อมูล ก่อนจะส่งไปที่นู่นที่นี่ครับ

ซึ่งถ้าหากเนื้อที่ตรงนี้เยอะ คอมพิวเตอร์เราก็จะทำงานเร็วขึ้นมากมายก่ายกองนั่นเอง เพราะ RAM นี่มันทำงานเร็วมากๆ

 

ทีนี้ … บน PC เนี่ย ผมไม่เถียงเลย ยิ่ง RAM ว่างๆ เยอะ คอมฯ มันจะยิ่งเร็วครับ เพราะฉะนั้น โปรแกรมอะไรที่ไม่ใช้ เปิดคาไว้เนี่ยมันกิน RAM เราแน่นอน ก็ปิดๆ ไปซะครับ เพื่ออนาคตที่ดีของชาติและวงศ์ตระกูล

เพราะว่า ถ้าเราไม่เคลียร์ RAM บ่อยๆ จน RAM เต็มเข้า PC นั้นก็จะไม่รู้จะเอาข้อมูลที่วิ่งๆ อยู่ ไปพักไว้ที่ไหนดี ก็จะยืมเนื้อที่บน Harddisk มาพักข้อมูลครับ กระบวนการนี้เรียกว่า swap ซึ่งมันจะทำให้คอมฯ ของเรานั้นเกิดอาการท้องอืดกันเลยทีเดียว…

คือโอเค อันนี้เรื่องจริง บน PC ผมไม่เถียงครับ

 

แต่แนวคิดแบบนี้มัน “ใช้ไม่ได้” กับโทรศัพท์ Android ครับ ทั่นผู้ชม

 

Android จะมีวิธีคิดและจัดการการทำงานของ RAM อีกแบบครับ ตัวระบบมันจะคำนวนและแจกจ่าย RAM ให้กับ App ในเครื่องโทรศัพท์โดยอัตโนมัติ โดยมันจะคำนวนของมันเอง ว่า App ไหนควรใช้ RAM เท่าไรในตอนนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สุงสุดในการใช้งาน RAM ครับ

ที่จริงแล้ว ตัว Android มันคิดมาแล้วว่ามันจะใช้ RAM ให้มากที่สุด ยัด RAM ให้ App ต่างๆ เยอะๆ เพราะนั่นจะทำให้ตัว App ทำงานเร็วขึ้นครับ ซึ่งจะทำให้เกิดประสบการณ์ใช้ที่ดีขึ้นกับเราครับ

เพราะฉะนั้นแล้ว มุมมันกลับกัน การยื่น RAM ให้ App ต่างๆ ถือค้างไว้ ถือเป็นเรื่องดีสำหรับ Android ครับ เขาคิดมาแบ้ว!

 

โอเค พออ่านมาถึงตรงนี้ปั๊บ เราก็อาจจะพอเข้าใจแล้วว่า: โอเค งั้นก็แสดงว่าพวก App Task Killer หรือ RAM Booster มันก็ดูไม่มีประโยชน์อะไรน่ะสิ ก็คงเหมือนๆ กับ ลงไว้ก็รกเครื่องแหละ แต่มันฟังดูไม่อันตรายขนาดนั้นนี่ ไม่มีผลเสียอะไรเลยนะ นอกจากที่มันจะรกเครื่อง

แต่ความจริงคือมันส่งผลเสียเลยแหละครับ

 

บน PC เราใช้ Harddisk เป็นตัวเก็บข้อมูล เป็นจานหมุนๆ นึกออกไหมครับ ซึ่งอายุการใช้งานก็นานพอตัว หลายปีอยู่ แต่บนโทรศัพท์ เราใช้ SD Card ครับ ซึ่งมันจะไม่ใช่จานหมุนๆ เหมือน Harddisk แต่เป็นพื้นที่เก็บข้อมูลโล่งๆ ที่เอาอะไรไปวางก็ได้ ซึ่งอายุการใช้งานของมันก็จะลดลง (เสื่อมอายุ) ไปตาม “จำนวนครั้ง” ที่เรา เขียน-ลบออก, เขียน-ลบออก ไปเรื่อยๆ นึกภาพออกไหม

และ… ทันทีที่เรากด “ล้าง RAM” ด้วยโปรแกรมพวกนี้… RAM มันก็โดนล้างใช่มะ

เราก็จะรู้สึกว่า “อ่าห์ สดชื่นอะไรเยี่ยงนี้ ยังกะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ กลิ่นแชมพูลอยมาเลยยยยย”

พอสดชื่นแล้วเกิดไรขึ้น?

อ่ะ ตอนนี้ RAM มันว่างอยู่ใช่มั้ย (เพิ่งจับล้างไปกับมือ อิอิ) แต่ Android อยากจะรัน App มันก็เลยต้องดึง App ไปรันบน RAM ครับ ตามที่ผมกล่าวไปข้างต้น มันเลยต้องดึงข้อมูล App ใหม่ทั้งหมดเลย ซึ่งมันก็ดึงจาก SD Card นี่แหละ

ซึ่งมันจะไปกระตุ้นให้ SD Card ต้องทำงานซ้ำซ้อนครับ (เหมือน copy+paste+delete ไปเรื่อยๆ อ่ะ)

เพราะฉะนั้น ถ้าสมมติว่า (สมมติลวกๆ เลยนะครับ) เนื้อที่บริเวณหนึ่งของ SD Card สามารถ เขียน-ลบออก ได้ 3 พันครั้ง การใช้โปรแกรม Task Killer มันจะไปกระตุ้นให้เกิดกระบวนการ “เขียน-ลบออก” ที่ว่านี้บ่อยขึ้น ทำให้ SD Card เรามันเสื่อมเร็วขึ้น … “บิน” ไปเร็วขึ้นนั่นเอง!

นอกจากนี้ ที่หนักไปกว่านี้ คือ โปรแกรม Task Killer ใหม่ๆ มี Feature สุดเจ๋ง “เฝ้า+คอย ปิด App อัตโนมัติ เมื่อไม่ได้ใช้”

โห…ฟังดูดี หล่อเหลาเอาการ แต่รู้อะไรมั้ยครับ?

ไอ้การที่ต้องให้โปรแกรม Task Killer มันยืน stand by คอยจับผิด app ตัวอื่น เพื่อสั่งปิดเนี่ย (เผด็จการ บ้าอำนาจเนอะ) มันก็ต้องใช้พลังงานเป็น RAM กับ CPU เพื่อเป็นพื้นที่ให้มันยืนเฝ้าชาวบ้านตรงนั้นครับ

เพราะฉะนั้น ไม่ต้องแปลกใจเลย ถ้าเครื่องเราจะช้าลง หลังจากลงโปรแกรมพวกนี้

(นี่ยังไม่นับเรื่องแบตฯ หมดเร็วอีกนะ… แม่ม!)

 

ถ้างั้น เราควรทำไงดี… ถ้าอยากให้ Android ของเรามันเร็วๆ หน่อย?

  • ลบโปรแกรมไอ้ที่ว่ามาทั้งหมดน้ีทิ้งไปครับ (ยังจะเอาไว้อยู่ทำไมล่ะ เลี้ยงเสียข้าวสุก 555)
  • ไม่ต้องกด Kill App ครับ ปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละ แต่ถ้ารู้ว่ามี App ไหนกำลังทำงานหนักผิดปกติ กำลังขโมย RAM เพื่อนๆ เยอะเกินไป ให้ปิด App นั้น App เดียวครับ ด้วยการใช้นิ้วปาดทิ้งไป ใช้ฟังก์ชั่นของ Android นั่นแหละ ส่วนวิธีการเฝ้าดูว่า App ไหนกำลังเอาเปรียบเพื่อนๆ ก็ใช้ Watch Dog ครับ อันนี้ดีจริงผมลองแล้ว ฟันเฟือง!! (ธง!! ถถถถุ๊ย)
  • อะไรที่ไม่ได้ใช้งาน ก็ปิดไปบ้าง …GPS เอย, Wi-Fi เอย, Widget เยอะๆ ที่วางอยู่บน Home Screen เอย.. อันไหนไม่ใช้ก็เอาออกไปบ้าง แล้วก็ Live Wallpaper นี่ตัวดีเลย… พวก Background เคลื่อนที่สวยๆ วื้บๆ ว้าบๆ นี่ ใครที่ใช้อยู่.. ไม่ต้องถามหาเรื่องความเร็วเลยนะครับ อย่าโลภครับ 555
  • ใครที่ใช้ Android มามากกว่าปีครึ่งหรือสองปีแล้ว การทำ Factory Reset (ล้างเครื่องใหม่หมด) มีส่วนช่วยได้ครับ… ถ้าคุณพอจำได้ว่า เอ๊ะ! ตอนที่ซื้อเครื่องมาใหม่ๆ มันเร็วกว่านี้นี่หว่า ทำไมตอนนี้มันช้าลงวะ … ถ้ามีอาการแบบนี้ กด Factory Reset เลยครับ ผมรับรองว่าเร็วขึ้นได้เหมือนใหม่เลย (ถ้าเครื่องไม่ไปกระแทกมาเยอะแยะ แล้วก็ไม่อายุมากเกินไปนะครับ) แต่อย่าลืมว่า Factory Reset นี่มันล้างข้อมูลเครื่องทิ้งหมดเลยนะ เพราะงั้นอย่าลืม Backup ไว้ก่อน เดี๋ยวคลิปโป๊ … เอ้ย! งาน หายหมดไม่รู้นะ อิย์อิย์
  • สุดท้ายนี้ อาจจะฟังดูเหมือนปรัชญาน่าหมั่นไส้ครับ.. แต่ อย่าไปหวัง หรือพยายาม (ด้วยวิธีการแปลกๆ) ทำให้เครื่องมันเร็วเกินกว่าที่มันเป็นเลยครับ เครื่องมันเร็วได้แค่นั้นก็แค่นั้นครับ ไม่งั้นเขาจะทำโทรศัพท์รุ่นที่แพงกว่ามาขายทำไมกันล่ะ? เห้ย ผมไม่ได้กวนตีนนะ ถ้ามันเร็วสุดแล้ว ก็คือสุดทางที่ Hardware ของมันแล้วครับ … ถ้าอยากได้โทรศัพท์ที่เร็วกว่านี้ ตั้งใจทำงาน เก็บเงิน ซื้อใหม่ครับ 🙂

Photo credit: Kham Tran via Visual Hunt / CC BY

เว็บไซต์ BCD Academy ใช้เทคโนโลยี cookie เพื่อใช้จดจำการเข้าสู่ระบบของท่าน และเพื่อเสนอข้อมูลที่ท่านต้องการ กรุณากดปุ่ม "ยอมรับ" เพื่อยอมรับการใช้ cookie